คุณเสกสิทธิ์ ช้างทอง อายุ 28 ปี มีอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้างประจำอยู่แถวโพผธิ์สามต้นมีคนจ้างให้มาส่ง
ที่พรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 19 พ.ค. เวลาประมาณ 10.00 น.
ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ใต้ตาซ้ายทะลุตาขวาตัดเส้นประสาททำให้ตาบอดทั้งสอง ข้างเล่านาทีก่อนทุกอย่างรอบกายจะมืดสนิทว่า
“เสียงปืนดังไม่หยุด ยิงมาเป็นชุดๆ ต้นไม้ กิ่งไหม้ข้างถนนปลิว กิ่งไม้ร่วง เห็นว่ายิงมาจากทางยกระดับจากข้างบน แค่นั้นก็กลัวแล้ว นั่งอยู่กับที่ จังหวะนั้นก็หันซ้ายหันขวาหาทางหนี แต่ก็ไม่ทันกระสุนกระแทกเข้าตา พยายามลืมตาอีกข้างแต่ลืมไม่ได้ หลังจากนั้นก็ลืมไม่ได้อีกเลย ลืมได้ก็มองไม่เห็น จึงยกมือบอกให้ช่วยและนำมาส่งที่โรงพยาบาล”
นาย เสกสิทธิ์ กล่าวถึงเหตุการณ์วันนั้นทีไรยังผวาจนถึงทุกวันนี้ว่า เสียงปืนสนั่นรอบด้านเป็นอะไรที่ผวาได้ทุกวันนี้ ได้ยินเสียงของหล่นตอนกลางคืนนอนหลับอยู่ลุกขึ้นมานั่งได้ง่ายๆ 1-2 วันแรกเป็นแบบนั้นแต่ตอนนี้ดีขึ้น
“จังหวะที่ประชาชนขนยางมาทำ เป็นบังเกอร์ทหารจึงเริ่มยิงสนั่นหวั่นไหว เป็นภาพที่ติดตาจนถึงตอนนี้” นาย เสกสิทธิ์ย้ำอีกครั้ง
“หมอบอกว่า โดนยิงที่ตาข้างซ้ายไปตุงที่ตาข้างขวา ทำลายเส้นประสาทตาทั้งสองข้างมองไม่เห็น” นายเสกสิทธิ์บอกเล่าอย่างสิ้นหวังก่อนจะเล่าต่อถึงสาเหตุที่ต้องสูญเสียดวง ตา
“ตรงนั้นมีคนมามุง เยอะ ผมก็จอดดูแล้วก็มีเสียงปืนดังเป็นชุดๆ แล้วก็มาเข้าที่หน้าผม 1 นัด ดังมาจากทางฝั่งทหารเพราะตอนที่ผมส่งลูกค้าก็เข้าไปข้างในพื้นที่ชุมนุมไม่ ได้ คนก็มาออกันอยู่ตรงนั้นเผชิญหน้ากับทหารมีประชาชนมาเยอะเต็มสองฝั่งเหมือน ปิดถนน มีประชาชนโห่ไล่ทหาร มีคนกลุ่มหนึ่งเอายางมากั้นทำเป็นบังเกอร์ จากนั้นทหารยิงปืนขึ้นฟ้าไปตกตรงไหนไม่รู้แต่มาตกใส่ตาผมนัดหนึ่งกระสุนมา จากทางทหาร” นายเสกสิทธิ์กล่าวยืนยันวิถีกระสุนที่พุ่งเข้ามาทำลายประสาทตา
แม้ นายเสกสิทธิ์ ต้องสูญเสียดวงตาทั้งสองข้างไปเขายังหวังจะกลับมามองเห็นอีกครั้งเพื่อทำมา หากินเลี้ยงลูกและเมียได้ตามเดิม เพราะเขาคือหัวหน้าครอบครัวที่ขับรถรับจ้างเพื่อแลกเงิน แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้วเขายังคงเป็นห่วงลูกชายที่เพิ่งจะเข้าเรียนชั้น ป.1 และบ้านที่ผ่อนไปได้แค่เดือนแรก แล้วลูกกับเมียจะทำอย่างไรต่อไปหากเขาต้องมาสูญเสียดวงตาไป
“ผมก็ มั่นใจว่าผมจะมองเห็นอีกครั้งลูกเมีย ผมกำลังรออยู่ ขอให้ผมหายเหมือนเดิม ขอให้ไปหาเงินผ่อนบ้านเลี้ยงลูกเหมือนเดิม ถ้าผมไม่หายขอให้ลูกเมียผมได้อยู่อย่างที่ผมหวังไว้เท่านั้นเอง” เสียงความหวังปนกับคำร้องขอจากนายเสกสิทธิ์ที่เขาเองก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ไป ดีกว่าการให้กำลังใจตนเอง แม้หมอจะบอกว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะมองเห็นหากผ่าก็อันตรายเสี่ยงที่จะติด เชื้อและน็อคไปเลย ทางที่ดีที่สุดคือปล่อยไว้อย่างนี้ดีกว่า
ความ ช่วยเหลือที่เป็นความหวังเดียวจากชายตาบอดผู้นี้คือ หวังจะเข้าไปขอความช่วยเหลือจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติหลังจากที่ ออกจากโรงพยาบาลแล้วอย่างน้อยก็ช่วยให้ลูกชายได้เรียนต่อและภรรยาของเขาได้ มีที่พักอาศัย ส่วนตัวเขาเองก็ก้มหน้ารับอยู่ในโลกมืดต่อไป
“ที่ไป ไม่คิดว่าจะ เจอกับตัววเอง ไม่ได้ตั้งใจจะโดนกับตัวเอง แต่จะไปหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว แต่ชะตากรรมมันเลี่ยงไม่ได้ ”
คุณ @เก๋ไก๋ สไลเดอร์ จาก facebook ได้สัมภาษณ์คุณ เสกสิทธิ์ และ ภรรยา บางส่วนดังมีใจความดังนี้
“นายเสกสิทธิ์ คือหัวหน้าครอบครัวที่ขับรถรับจ้างเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวและดูแลภรรยาและบุตรชายที่เพิ่งจะเข้าเรียนชั้น ป.1 นอกจากนี้ยังต้องแบกภาระในการส่ง บ้านที่เพิ่งผ่อนไปได้แค่ เดือนแรก แต่มาตอนนี้เขาได้สูญเสียดวงตา ไปแล้ว 1 ข้างและกำลังจะเสียอีก 1 ข้างในไม่ช้านี้จากการสนทนากับนายสองและภรรยา ทั้งสองเล่าว่า ภายหลังจากที่บาดเจ็บก็เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกลาง ซึ่งใช้สิทธิ์ฉุกเฉินได้ 7 วันเมื่อครบกำหนดทางโรงพยาบาลก็จะดำเนินการจัดส่งคุณสองมายังโรงพยาบาลที่คุณสองใช้สิทธิ์บัตรทองอยู่ แต่ทางโรงพยาบาลนั้นปฏิเสธเนื่อ งจากไม่สามารถรักษาอาการบาด เจ็บของคุณสองได้ ซึ่งหลังจากนั้นทางโรงพยาบาลกลางจึงได้จ่ายยาบรรเทาปวดให้คุณสองมารับประทาน หากยาหมดก็จะไม่มียาให้ทางคุณสอง แล้ว แต่ที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือว่า แม้กระทั่งวันที่คุยกับคุณ สองนี้ กระสุนก็ยังฝังอยู่ในกะโหลกคุณ สอง แถวๆบริเวณโพรงจมูกภรรยาคุณสองได้พยายามวิ่งเต้นหา โรงพยาบาลที่จะมารักษาสามี เธอจึงได้แจ้งความจำนงไปยังหน่วย งานของรัฐบาล ซึ่งเธอได้แจ้งความจำนงค์ว่าขอเลือกเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่งย่านฝั่งธน ซึ่งการแจ้งความจำนงนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 53 และจนถึงวันนี้ (17 มิถุนายน 53) ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อมาจากหน่วยงานรัฐหรือทางโรงพยาบาลเพื่อนำตัวคุณสองเข้ารับการตรวจรักษาแต่อย่างใดเลยทุกวันภรรยาจะต้องออกไปทำงานเพื่อ หาเลี้ยงครอบครัว ลูกชายก็ต้องส่งไปให้อยู่กับคุณตาเนื่องจากเธอไม่มีเวลาดูแลและเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนคุณสองเองก็ต้องพยายามดูแลตัวเองในยามที่ภรรยาคู่ชีวิตออกไปทำงานนอกบ้าน ซึ่งคุณสองเองก็พยายามทำจิตใจ ให้สงบโดยการสวดมนต์ และเฝ้ารอว่าวันใดที่ตนเองจะกลับมาเห็นอีกครั้งหนึ่งแม้ความหวังจะริบหรี่ลงไปทุกวัน”
หากท่านใดประสงค์จะช่วยเหลือคุณเสกสิทธ์ ช้างทอง ช่วยเหลือได้ที่
คุณสุชญา (ภรรยา) ธนาคารกสิกรไทย สาขาเทสโก้โลตัสปิ่นเกล้า บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 893-201-721-1
ขอขอบคุณข้อมูลจากคุณ @เก๋ไก๋ ไพร่ สไลเดอร์ เป็นอย่างยิ่ง
ข่าวคุณเสกสิทธิ์ ใน นสพ